ฐานข้อมูลส่งเสริมและยกระดับคุณภาพสินค้า OTOP

อันตรายที่เกิดจากการใช้เครื่องสำอาง  (Lundov, MD., et al., 2009)              

              ในปี 1960 และ 1970  การปนเปื้อนของจุลินทรีย์ในเครื่องสำอางมีปริมาณเพิ่มขึ้น  เป็นสาเหตุให้ผลิตภัณฑ์เกิดการเน่าเสีย  เป็นตัวก่อโรค  จึงทำให้เกิดอันตรายต่อผู้บริโภค  และยังเป็นสาเหตุให้องค์ประกอบต่างๆ  กลิ่นหรือสีในเครื่องสำอางเกิดการเปลี่ยนแปลง  โดยจุลินทรีย์สามารถปนเปื้อนในเครื่องสำอางได้ 2 ทางคือ  1. ระหว่างขั้นตอนการผลิต  2. ขั้นตอนการใช้ผลิตภัณฑ์ของผู้บริโภค 

              ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง  เช่น  ครีม  โลชั่น  แชมพู  คอนดิชันเนอร์  สบู่เหลว  เป็นผลิตภัณฑ์ที่ต้องใช้น้ำเป็นองค์ประกอบหลัก  จึงเป็นสาเหตุให้เกิดการปนเปื้อนของจุลินทรีย์ได้ง่าย  แนวทางการแก้ไขการปนเปื้อนของจุลินทรีย์ในเครื่องสำอางคือ  การใส่สารกันเสียเข้าไปเพื่อป้องกันการเจริญของจุลินทรีย์เหล่านั้น  แต่ปัญหาที่ตามมาคือ  ผู้บริโภคเกิดอาการแพ้เครื่องสำอางขึ้น  โดยพบว่า  ประมาณ 6% ของผู้บริโภค  มีสาเหตุหลักมาจากสารกันเสียหรือน้ำหอมที่ใส่ในเครื่องสำอางนั่นเอง 

              สารกันเสียสังเคราะห์เป็นชนิดที่นิยมนำมาใช้ในผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางมากกว่าสารกันเสียจากธรรมชาติ  เพราะมีคุณสมบัติตรงตามความต้องการและค่อนข้างครบถ้วนในการเป็นสารกันเสียที่ดี  แต่มีรายงานพบว่า  สารกันเสียสังเคราะห์บางชนิดไม่ปลอดภัยกับผู้บริโภค  เพราะนอกจากจะเป็นสาเหตุให้เกิดอาการแพ้เป็นเวลานานแล้ว  ยังมีความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งเต้านมในเพศหญิง และยังทำให้อวัยวะสืบพันธุ์เพศชายบกพร่อง  รวมทั้งเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งอัณฑะและทำลายระบบประสาทอีกด้วย  ดังนั้นวิธีทางแก้ไขที่จะหลีกเลี่ยงการใช้สารกันเสียสังเคราะห์คือ  การหันมาใช้สารกันเสียที่มาจากธรรมชาติ  ได้แก่  น้ำมันหอมระเหย  สารสกัดจากพืชสมุนไพร  วิตามินชนิดต่างๆ  เป็นต้น  ปัจจุบันการใช้สารกันเสียจากสมุนไพรมีจำนวนมากขึ้น  แต่เกิดจากกระบวนการลองผิดลองถูกมากกว่า  แต่เมื่อเร็วๆ นี้ได้มีหลักฐานที่แสดงว่าพืชสมุนไพรนั้นมีประสิทธิภาพมากขึ้น  ซึ่งสามารถฟื้นฟู  รักษาและปกป้องผิวได้อีกด้วย  (Bombeli, T., 2010)  นอกจากนี้โดยพื้นฐานของพืชสมุนไพรที่มีคุณสมบัติเป็นยาอยู่แล้ว  จึงเหมาะที่จะนำมาทำเป็นสารกันเสียในเครื่องสำอางเพื่อความมีประสิทธิภาพและเพื่อความปลอดภัยของผู้บริโภค