- ยาสีฟัน
- ปัจจัยที่มีผลต่อการเกิดโรคฟันผุ (caries formation)
- ส่วนประกอบหลักของยาสีฟัน (components of toothpaste)
- สูตรยาสีฟัน (toothpaste formulation)
- การผสมยาสีฟันและเครื่องมือที่ใช้ (processing and equipment)
- การตรวจสอบคุณภาพของยาสีฟันหลังการผลิต (Quality testing of toothpaste)
- ส่วนผสมในยาสีฟันที่อาจเป็นอันตราย
- บทสรุป
- อธิบายคำศัพท์เฉพาะ
- อ้างอิง
- All Pages
ส่วนผสมในยาสีฟันที่อาจเป็นอันตราย
ส่วนผสมในยาสีฟันที่อาจเป็นอันตรายมีดังต่อไปนี้
1. โซเดียมฟลูโอไรด์ (sodium fluoride) เป็นส่วนผสมหลักที่ใช้ป้องกันฟันผุ โดยสารนี้เป็นอันตรายกับคน หนู และแมลงสาบมากจนถึงตายได้ แต่ปริมาณที่ใช้ในยาสีฟันมีไม่มากพอที่จะเป็นอันตรายกับคนและแม้แต่กับเด็กเล็ก ๆ
2. สีสังเคราะห์ (artificial dyes/colourings) สีย้อมเอฟดีแอนซี (FD & C dyes) สีฟ้าหมายเลข 1 & 2 มีผลต่อพฤติกรรมการเรียนรู้และปัญหาสุขภาพต่างๆ มากมายรวมถึงมะเร็งด้วย ถึงแม้ว่าเราไม่ได้กลืนยาสีฟันแต่สีเหล่านี้สามารถดูดซึมผ่านผิวบนริมฝีปากหรือผ่านเยื่อเมือกในปากได้ในเวลาเพียงไม่กี่วินาทีและดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือด สมอง และเซลล์ต่างๆ ได้มากกว่า 90 เปอร์เซ็นต์ในเวลาอันสั้น
3. โซเดียมลอริลซัลเฟต (sodium lauryl sulphate, SLS) เป็นสารที่อันตรายที่สุด เพราะสามารถกัดกร่อนและเป็นอันตรายกับเนื้อเยื่อผิวหนัง สารนี้สามารถซึมผ่าน และสะสมในตา สมอง หัวใจ และตับ ซึ่งในระยะยาวจะเป็นอันตรายอย่างมาก
4. ไตรโคซาน (triclosan) เป็นยาฆ่าแมลงชนิดหนึ่งที่พบได้ในยาสีฟัน และเป็นสารเคมีที่มีคุณสมบัติในการฆ่าเชื้อที่มีความเสี่ยงต่อสุขภาพของทั้งคนและสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ไตรโคซานยังเป็นคลอโรฟีนอลชนิดหนึ่ง ที่อาจเป็นสาเหตุของมะเร็งในคนได้ ถ้ารับประทานสารนี้แม้แต่ในปริมาณน้อย ก็อาจเกิดอาการต่างๆ แก่ ตับ ไต หัวใจ ปอด และกดระบบภูมิคุ้มกัน รวมทั้งสะสมในร่างกายบริเวณที่มีไขมันจนอาจถึงตายได้
5. ไฮเดรตซิลิกา (hydrated silica) เป็นสารขัดถูและเป็นสารให้ความขาวที่มีอันตรายกับเคลือบฟัน ปกติเคลือบฟันจะได้รับการเติมธาตุ (re-mineralization) แคลเซียม (calcium)ไอออนและฟอสฟอรัส (phosphorus) ในน้ำลายทุกวัน การใช้ไฮเดรตซิลิกา (hydrated silica) นอกจากเป็นอันตรายกับเคลือบฟันแล้วยังไปยับยั้งการเติมแร่ธาตุ (re-mineralization) ให้เคลือบฟัน ดังนั้นผู้ที่มีปัญหาฟันผุ เสียวฟัน เหงือกอักเสบและเหงือกร่นควรหลีกเลี่ยงยาสีฟันที่ผสมสารนี้ทั้งๆ ที่สารนี้สามารถกำจัดคราบหินปูนและทำให้ฟันดูขาว นอกจากนั้นยังอาจมีผลกับอนามัยในช่องปากโดยไปเปลี่ยนสมดุลของกรดในปาก เหงือก และลิ้น
6. ปัญหาอื่นๆ ของยาสีฟัน ความสามารถในการขัดถูของยาสีฟันจะวัดเป็นค่า “อาร์ดีเอ ”(Relative Dentin Abrasivity, RDA) เคลือบฟันที่บางลงแล้วจะไม่สามารถทำให้กลับมาเหมือนเดิมได้อีก ดังนั้นผู้ที่มีปัญหาเรื่องการเสียวฟัน จะต้องใช้ยาสีฟันที่มีค่า RDA ต่ำๆ ยาสีฟันที่ทำให้ฟันขาวขึ้นไม่ได้ทำอะไรเพื่อให้ฟันขาวขึ้น แต่จะกำจัดคราบอาหารและ plaque ให้หมดจดเพื่อให้มองเห็นฟันที่ขาวได้ชัดเจน ยาสีฟันที่ทำให้ฟันขาวบางยี่ห้อก็ยังคงมีค่า RDA ที่สูง ดังนั้นเคลือบฟันจะถูกทำลาย ทำให้ฟันเหลืองและทำให้เสียวฟันเมื่อสัมผัสกับความร้อน ความเย็น อาหารหวาน อาหารเค็มจัด และเบกกิ้งโซดา (baking soda)