ฐานข้อมูลส่งเสริมและยกระดับคุณภาพสินค้า OTOP

       บัวหลวง (Lotus) มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Nelumbo nucifera Gaertn. ชื่อเรียกตามท้องถิ่นต่างๆ เช่น โกกระณต บัว บัวอุบล บัวฉัตรขาว บัวฉัตรชมพู บัวฉัตรสีชมพู บุณฑริก ปุณฑริก ปทุม ปัทมา สัตตบงกช สัตตบุษย์ หรือเขมรเรียก โช้ค เป็นต้น ซึ่งต้นบัวหลวงนั้นมีอยู่หลากหลายสายพันธุ์และมีชื่อเรียกที่ไม่เหมือนกัน นอกจากจะนำดอกบัวไปไหว้พระแล้ว ส่วนต่างๆ ของบัวยังสามารถนำมารับประทานได้อีกด้วย เนื่องจากมีประโยชน์และสรรพคุณมากมายหลายอย่าง

 

ที่มา : http://www.เกร็ดความรู้.net/บัวหลวง/

       สำหรับต้นบัวหลวงนั้นจัดเป็นไม้ล้มลุกที่มีอายุยืนหลายปี เติบโตได้ดีในดินเหนียว โดยลำต้นของบัวหลวงนี้สามารถอยู่ได้ทั้งใต้ดินและน้ำ โดยมีเหง้าเป็นท่อนยาวๆ เมื่อนำมาตัดแนวขวางจะเป็นรูกลมๆ หลายรู และมีไหลบัวที่สามารถเจริญเติบโตเป็นต้นใหม่ได้ ซึ่งโดยปกติสามารถขยายพันธุ์ได้ทั้งการใช้เมล็ดและการแยกไหลบัว ส่วนใบนั้นจะออกเป็นใบเดี่ยวขนาดใหญ่ ขอบเรียบเป็นคลื่น เมื่อเป็นใบอ่อนจะลอยอยู่ปริ่มน้ำ แต่เมื่อเป็นใบแก่จะชูขึ้นพ้นน้ำ และดอกนั้นจะออกเป็นดอกเดี่ยวมีทั้งสีชมพูหรือขาว ซึ่งกลีบของดอกบัวหลวงนี้จะมีเยอะเรียงแบบซ้อนชั้นกันอยู่ ส่วนฝักบัวนั้นภายในมีผลอ่อนจำนวนมาก โดยมีผลทรงกลมรีเป็นกลุ่มหลายเมล็ดอยู่บริเวณฝักรูปกรวยภายในดอก และมีดีบัวอยู่ในเม็ดบัว ซึ่งดีบัวนี้จะไม่มีกลิ่นแต่มีรสชาติขมมาก ซึ่งดอกและผลของบัวหลวงนี้จะเจริญเติบโตได้ดีในระหว่างเดือนสิงหาคม-ธันวาคม

 

ที่มา:  http://buasapatprayod.blogspot.com/2016/02/blog-post_8.html

 

       ส่วนต่างๆ ของบัวหลวงมีคุณค่าในเรื่องของการประกอบอาหาร และในเรื่องของการนำมาใช้เป็นยา ทางด้านเภสัชวิทยาพบว่า มีสารที่เป็นตัวยาสำคัญๆ เช่น สาร nuciferine มีฤทธิ์กดประสาท  ต้านการอักเสบ ลดไข้ แก้ไอ และมีผลในการยับยั้งการหลั่งสาร serotonin  โดยพบสรรพคุณต่างๆ ของบัวหลวงมีดังนี้

  • ใบอ่อน  ช่วยบำรุงร่างกายให้ชุ่มชื้น ให้รสฝาดเปรี้ยว
  • ใบแก่   ช่วยบำรุงโลหิต แก้ไข้ และแก้ริดสีดวงจมูก ให้รสฝาดเปรี้ยวเมาเล็กน้อย
  • ดอก  ช่วยบำรุงหัวใจ บำรุงครรภ์ ทำให้คลอดลูกได้ง่าย และแก้ไข้ แก้เสมหะและโลหิต ให้รสฝาดหอม
  • เกสร  ช่วยบำรุงครรภรักษา แก้ไข้รากสาด รวมทั้งแก้ไข้จากพิษร้อน และชูกำลังให้แข็งแรง ให้รสฝาดหอม
  • ฝัก  ช่วยแก้อาการท้องเสีย ขับรก และแก้พิษจากเห็ดเมา ให้รสฝาดหอม
  • เมล็ด  ช่วยแก้อ่อนเพลีย บำรุงกำลัง บำรุงไขข้อ รวมทั้งแก้ร้อนในกระหายน้ำ ช่วยให้กระชุ่มกระชวย ตลอดจนขับเสมหะ แก้ดีพิการ หรือพุพอง และแก้อาเจียน เพิ่มไขมันในร่างกาย ให้รสหวานมัน
  • เปลือกฝัก  ช่วยสมานแผลในมดลูก และแก้ท้องเดิน ให้รสฝาดหอม
  • ดีบัว  ช่วยแก้กระหายน้ำ ขยายหลอดเลือดหัวใจ และแก้น้ำกามเคลื่อนขณะนอนหลับ ให้รสขม
  • เปลือกหุ้มเมล็ด  ช่วยคุมธาตุ สมานแผล และแก้ท้องร่วง ให้รสฝาด
  • ก้านดอก  ช่วยแก้ริดสีดวงจมูก ให้รสเย็นเมา
  • เหง้า (ราก)   ช่วยบำรุงกำลัง ขับเสมหะ แก้ร้อนในกระหายน้ำ รวมทั้งแก้ดีพิการ หรือพุพอง แก้อาเจียน มีฤทธิ์เป็นยานอนหลับ ลดไข้ ลดอาการเกร็งของลำไส้เล็ก ให้รสหวานเย็นมัน

       

       นอกจากจะมีสรรพคุณทางยาแล้ว บัวหลวงในส่วนต่างๆ ยังสามารถนำมาประกอบอาหารได้ทั้งคาวหวานและอื่นๆ อีกด้วย ได้แก่

  1. รากบัวหลวง (เหง้าบัว) สามารถนำใช้ปรุงเป็นอาหารได้ทั้งคาวหวาน เช่น เหง้าบัวผัดน้ำมัน เหง้าบัวอ่อนต้มหรือตุ๋นกระดูกหมูกับเครื่องยาจีน นำมาเชื่อมแห้งรับประทานเป็นของหวาน ทำเป็นน้ำรากบัว หรือนำมาต้มเป็นน้ำสมุนไพรรากบัว
  2. ไหลบัว (หลดบัว) สามารถนำมาประกอบอาหารได้ทั้งสดและแห้ง เช่น การนำมาทำแกงเลียง แกงส้ม ต้มกะทิ ผัดเผ็ดต่าง ๆ ฯลฯ
  3. สายบัว นำมาปรุงเป็นอาหารหรือใช้แทนผักได้หลายชนิด เช่น แกงส้มสายบัวกับปลาทู แกงส้มสายบัว ต้มกะทิปลาทู ฯลฯ
  4. ดอกนำมาบูชาพระ หรือนำมาใช้ในทางศาสนา เนื่องจากดอกบัวหลวงเป็นสัญลักษณ์แห่งความดีงามทางพระพุทธศาสนา มีความเกี่ยวข้องโดยตรงสำหรับการบูชาพระรัตนตรัย อันได้แก่ พระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์
  5. กลีบดอกนิยมนำไปทำเมี่ยงดอกบัว ยำดอกไม้ หรือทำเมนูกลีบบัวชุบแป้งทอด
  6. กลีบดอกแห้ง ในอดีตใช้ม้วนเป็นบุหรี่
  7. สารสกัดจากเกสรนำมาใช้ทำเป็นเครื่องสำอาง ที่เป็นตัวช่วยชะลอการสร้างเม็ดสีผิว ทำให้ผิวหนังเต่งตึงและอ่อนนุ่ม เช่น ครีมกันแดด ครีมบำรุงผิวทั้งกลางวันกลางคืน
  8. เกสรตัวผู้เมื่อนำมาตากแห้ง สามารถใช้เป็นส่วนผสมในเครื่องยาไทยและจีนได้หลายชนิด เช่น ยาลม ยาหอม ยานัตถุ์ ฯลฯ
  9. ใบบัวหลวง นำมาใช่สำหรับห่อข้าว ห่ออาหาร ห่อขนม ซึ่งจะช่วยทำเพิ่มความหอมน่ารับประทานยิ่งขึ้น หรือจะนำห่อผักสดเก็บในตู้เย็น หรือใช้ในงานประดิษฐ์ต่างๆ ส่วนใบอ่อนใช้รับประทานเป็นผักสดแกล้มกับน้ำพริกได้
  10. ใบบัวแก่ เมื่อนำมาตากแห้ง ใช้เป็นส่วนผสมของยากันยุง
  11. ก้านใบและก้านดอกบัว สามารถนำมาใช้ทำเป็นกระดาษ และเส้นใยใช้ทำไส้ตะเกียง
  12. เม็ดบัวทั้งอ่อนและแก่ สามารถนำมารับประทานหรือใช้ประกอบอาหารได้หลากหลาย ที่รู้จักกันดีก็คือ น้ำอาร์ซี ข้าวอบใบบัว เม็ดบัวต้มน้ำตาลทรายแดงผสมในเต้าฮวยหรือเต้าทึ้ง สังขยาเม็ดบัว เม็ดบัวเชื่อม สาคูเม็ดบัว ขนมหม้อแกงเม็ดบัว เป็นต้น และยังสามารถนำมาใช้ทำเป็นแป้งได้เป็นอย่างดี
  13. เปลือกบัว นำมาใช้เป็นวัสดุในการปลูกเห็ดชนิดหนึ่ง หรือที่เรียกว่า “เห็ดบัว”
  14. เปลือกเมล็ดและฝักแก่ ใช้ทำเป็นปุ๋ย
  15. เนื่องจากดอกบัวหลวงมีความสวยและมีกลิ่นหอม จึงนิยมปลูกไว้ประดับในสระน้ำหรือปลูกไว้ในกระถางทรงสูง

ที่มา : http://program.thaipbs.or.th/MhoKhaoMhoGang/episodes/31885

                                          

        ที่มา : http://www.thaicookingmenu.com/            ที่มา : http://www.siamarcheep.com           ที่มา : https://www.wongnai.com/restaurants/277608zz-                                แกงส้มไหลบัวกุ้งสด/                                            /รากบัวเชื่อม.html                                       red-lotus-cafe-ตลาดทุ่งบัวแดง-บางเลน     

 

       บัวหลวงนับเป็นพันธุ์ไม้น้ำอีกชนิดหนึ่งที่มีคุณค่า ที่มีประโยชน์ในด้านของปัจจัย 4 ที่มนุษย์ทุกคนสามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้อย่างมากมาย ทั้งในด้านการบริโภคโดยตรง หรือการนำมาใช้ในส่วนประกอบของยา ในการรักษาโรคต่างๆ และนำมาประกอบอาหารหลากหลายได้เป็นอย่างดี ซึ่งหากคนไทยมองเห็นความสำคัญและสามารถปรับปรุงพันธ์ของบัวหลวงให้มีความพิเศษในด้านการสกัดสารมาใช้ประโยชน์ บัวหลวงก็น่าจะเป็นพืชที่มีคุณค่าแก่วงการแพทย์ได้เป็นอย่างดี

 

 

เอกสารอ้างอิง

ไทยเกษตรศาสตร์. บัว…พืชเป็นยาและอาหาร. [ออนไลน์] [อ้างถึงวันที่ 23เมษายน 2561] เข้าถึงจาก

       http://www.thaikasetsart.com /บัว-พืชเป็นยาและอาหาร/

บัวหลวง ประโยชน์และสรรพคุณของบัวหลวง.[ออนไลน์] [อ้างถึงวันที่ 20เมษายน 2561] เข้าถึง

       จากhttp://www.เกร็ดความรู้.net/บัวหลวง/

บัวหลวง.[ออนไลน์] [อ้างถึงวันที่ 23เมษายน 2561] เข้าถึงจาก https://guru.sanook.com/2448/

บัวหลวง.[ออนไลน์] [อ้างถึงวันที่ 24เมษายน 2561] เข้าถึงจาก http://herbalbeauty9

       .blogspot.com/2016/07/blog-post_62.html