1. น้ำยาปรับผ้านุ่มจะต้องใส่ในช่วงสุดท้ายของการซักในน้ำล้างครั้งสุดท้ายที่ใช้ล้างผ้าเท่านั้น ถ้าใส่ในระหว่างการซักมันจะไปขัดขวางการทำความสะอาดและจะไม่ทำให้ผ้านุ่ม ถ้ามีสิ่งสกปรกหลงเหลืออยู่บนผ้าจากกระบวนการซักหรือน้ำล้างในน้ำสุดท้ายที่ยังสกปรกอยู่ น้ำยาปรับผ้านุ่มจะทำให้สิ่งสกปรกเหล่านั้นกลับไปเกาะติดที่ผ้า ดังนั้นจึงเป็นเรื่องสำคัญมากที่น้ำล้างสุดท้ายก่อนใส่น้ำยาปรับผ้านุ่มและผ้าต้องสะอาดเพื่อไม่ให้สิ่งสกปรกกลับไปเกาะติดที่ผ้าได้อีก
2 . ไม่ควรใช้น้ำยาปรับผ้านุ่มร่วมกับสบู่ ผงซักฟอก น้ำยาฟอกขาว เพราะจะทำปฏิกิริยากันเป็นคราบขาวและเหนียวติดบนผ้า ซึ่งบางครั้งคนจะเข้าใจว่าเป็นปุยผ้า (lint) ปริมาณน้ำยาปรับผ้านุ่มที่ใช้โดยทั่วไปจะขึ้นอยู่กับปริมาณผ้าที่ซักหรือดูจากคำแนะนำบนฉลากที่ผู้ผลิตระบุไว้ข้างภาชนะบรรจุภัณฑ์
3. ถ้าใช้เครื่องซักผ้าให้ใส่น้ำยาปรับผ้านุ่มลงในช่องที่อยู่ที่เครื่อง ซึ่งเครื่องจะกำหนดให้น้ำยาไหลลงไปในเครื่องในขณะล้างน้ำครั้งสุดท้ายและควรผสมน้ำยาปรับผ้านุ่มกับน้ำในจำนวนที่เท่ากันก่อน เพื่อช่วยเจือจางและเพื่อช่วยให้น้ำยากระจายตัวดีขึ้นและยังป้องกันไม่ให้น้ำยาลงไปติดที่เสื้อผ้าจนเป็นจุดๆ และเกิดเป็นรอยด่างที่เนื้อผ้า อย่าเทน้ำยาปรับผ้านุ่มลงบนผ้าโดยตรง
4. ผ้าที่เปื้อนน้ำยาปรับผ้านุ่มจะต้องทำให้เปียกก่อน ขยี้ด้วยสบู่แล้วจึงล้างออกด้วยน้ำ น้ำยาปรับผ้านุ่มสามารถกำจัดออกจากผ้าได้โดยการขัดถูกันในระหว่างการซักหรือจากน้ำล้างที่มีอุณหภูมิสูง ถ้าคราบยังคงอยู่ทำความสะอาดบริเวณนั้นด้วยแอลกอฮอล์หรือตัวทำละลายที่ใช้ในกระบวนการซักแห้งแล้วจึงล้างออกด้วยน้ำและนำไปซักต่อตามปกติ