- น้ำยาปรับผ้านุ่ม
- คุณลักษณะของน้ำยาปรับผ้านุ่ม
- ผลของการใช้น้ำยาปรับผ้านุ่ม
- หลักการทำงานของน้ำยาปรับผ้านุ่ม
- หลักการทำงานของสารออกฤทธิ์ทำให้ได้คุณสมบัติบางอย่างจากน้ำยาปรับผ้านุ่ม
- คุณสมบัติของส่วนประกอบหลักของน้ำยาปรับผ้านุ่ม
- สูตรน้ำยาปรับผ้านุ่ม
- การผสมน้ำยาปรับผ้านุ่มและเครื่องมือที่ใช้
- การตรวจสอบคุณภาพของน้ำยาปรับผ้านุ่มหลังการผลิต
- ความปลอดภัยในการปฏิบัติ
- สิ่งแวดล้อม
- คำเตือน
- บทสรุป
- อ้างอิง
- All Pages
Page 5 of 14
หลักการทำงานของสารออกฤทธิ์ที่ทำให้ได้คุณสมบัติบางอย่างจากน้ำยาปรับผ้านุ่ม
1. การทำให้ผ้านุ่ม (fabric softness) สารประกอบของน้ำยาปรับผ้านุ่มที่ติดผ้ามีปริมาณมาก ในบางกรณีอาจมากถึง 90% ส่วนที่ติดผ้าของน้ำยาปรับผ้านุ่มทำให้มีการหล่อลื่นที่ผิวผ้าและระหว่างใยผ้า ผ้าจึงนุ่มมือเวลาสัมผัส (softer hand/ feel) เสื้อผ้าที่นุ่มทำให้ผู้บริโภคมีความรู้สึกสบายระหว่างการสวมใส่ น้ำยาปรับผ้านุ่มที่มีสารไดอัลคิล ควอเทอนารี (dialkyl quaternary) ประกอบด้วยประจุบวกของหมู่เอมีน (amine group) และสายที่ต่อกันยาวของไขมัน (fatty chains) เมื่อสารควอเทอนารี(quaternary) ติดกับผ้าและสายที่ต่อกันยาวของไขมันจะเรียงตั้งฉากกับผิวผ้า ช่วยให้ผ้าไม่พันกัน ทำให้ดูหนาและมีปริมาตรมาก
2. การต่อต้านไฟฟ้าสถิต (anti-static) ไฟฟ้าสถิตเป็นความไม่สมดุลของประจุไฟฟ้าหรืออิเล็กตรอน(electrons) บนผิวหน้าของเสื้อผ้าบางชนิด วัสดุที่ไม่เหมือนกันเมื่อนำมาติดกันและแยกจากกันสามารถให้อิเล็ก ตรอนที่รบกวนความสมดุลของประจุ แรงเสียดทานและปริมาณความชื้นต่ำในอากาศจะช่วยส่งเสริมให้เกิดกระบวนการนี้ เมื่อเสื้อผ้าถูกทำให้แห้งโดยเครื่องอบผ้า ผ้าที่ทำด้วยเส้นใยที่มีส่วนของน้ำตามธรรมชาติ (natural fibers)ได้แก่ ฝ้าย(cotton) ลินิน (linen) และขนสัตว์ (wool) ซึ่งเป็นเส้นใยที่มีปริมาณน้ำสูง (high moisture regain) สามารถกระจายประจุไฟฟ้าสถิตได้ดีกว่าผ้าใยสังเคราะห์ (synthetic fibers) เช่น พอลิเอสเตอร์ ไนลอน และอะครีลิก (acrylic) ซึ่งเป็นเส้นใยที่มีปริมาณน้ำต่ำ (low moisture regain) ทำให้มีประจุไฟฟ้าสถิตสะสมบนผ้าในปริมาณมากและสามารถรวมตัวกันแน่น (clinging) น้ำยาปรับผ้านุ่มทำหน้าที่เป็นสารต่อต้านไฟฟ้าสถิต โดยช่วยเก็บความชื้นให้เพียงพอในรูปของสารหล่อลื่นที่มีลักษณะเป็นแผ่นฟิลม์ (lubricating film) ที่ดูดไอน้ำจากอากาศเพื่อไปกระจายประจุไฟฟ้าสถิตบนเนื้อผ้าใยสังเคราะห์และการลดไฟฟ้าสถิตยังช่วยป้องกันปุยผ้า (lint) ไม่ให้ติดเสื้อผ้าด้วย
3. การทำให้กลิ่นของผ้าดีขึ้น น้ำยาปรับผ้านุ่มส่วนใหญ่ให้ความสดชื่นกับผ้าด้วยน้ำหอมชนิดต่างๆ ที่ใส่ในกระบวนการผลิต โดยทั่วไปน้ำหอมที่ใช้จะให้กลิ่นหอมสดชื่นกับผ้าเปียกมากกว่ากับผ้าแห้ง แต่น้ำยาปรับผ้านุ่มบางยี่ห้อ ใช้น้ำหอมคุณภาพดีซึ่งอาจติดผ้าได้เป็นเวลาหลายวัน ผู้บริโภคส่วนใหญ่ให้ความสำคัญกับกลิ่นของผ้าเปียกน้อยกว่ากลิ่นของผ้าแห้ง เพราะกลิ่นของผ้าแห้งให้ความรู้สึกว่าเสื้อผ้าสะอาดหมดจดและผู้บริโภคส่วนใหญ่ไม่ได้สนใจกลิ่นของผ้าเปียก แต่น้ำหอมที่ให้กลิ่นของผ้าเปียกดีกว่ากลิ่นของผ้าแห้งจะมีราคาถูกกว่ากันมาก
4. การรักษาลักษณะภายนอกและสีของเสื้อผ้า โดยปกติการใช้น้ำยาปรับผ้านุ่มทำให้สีของผ้าดีขึ้นเพราะน้ำยาปรับผ้านุ่มที่ติดผ้าทำให้เส้นใยและเส้นด้ายมีความลื่นจึงลดแรงเสียดสีของผ้า ช่วยรักษาสภาพของผิวผ้าและมีความเป็นไปได้ที่จะทำให้ผ้าใช้ได้นานขึ้น ความหยาบของผ้ามีสาเหตุมาจากผิวที่ไม่เรียบ (surface disruptions) เช่น เป็นขุย (fuzziness) หรือเป็นปุ่มปมทำให้ผ้าดูซีดและเก่าง่าย
5. การลดรอยยับย่น (wrinkle reduction) เนื่องจากสารออกฤทธิ์ในน้ำยาปรับผ้านุ่มมีโมเลกุลที่มีประจุบวกเกาะติดกับเส้นใยทุก ๆ เส้นที่ประกอบกันเป็นเส้นด้ายที่นำมาถักทอให้เป็นเสื้อผ้า ทำให้เสื้อผ้าเหมือนมีน้ำมันเคลือบไว้ สายโซ่ไฮโดรคาร์บอน (hydrocarbon) นี้ทำให้ผ้าลื่น เส้นใยทุกเส้นสามารถเลื่อนไปมาระหว่างเส้นด้ายและเส้นด้ายแต่ละเส้นก็สามารถเคลื่อนตัวไปมาได้โดยง่าย จึงช่วยลดแรงเสียดทานในระหว่างเส้นใย (fiber-to fiber) ภายในผืนผ้า การหล่อลื่นและลักษณะที่เป็นน้ำมันนี้ช่วยลดรอยยับย่นของผ้าทำให้รอยยับย่นของผ้าน้อยลงและช่วยให้เสื้อผ้ารีดง่ายขึ้น
6. การเพิ่มความสามารถในการติดไฟ (flammability) ความสามารถในการติดไฟเป็นเรื่องของความปลอดภัยและการปกป้องเสื้อผ้า หมายถึง ความง่ายในการติดไฟและความทนต่อการเผาไหม้ภายหลังการติดไฟ ยกเว้นใยแก้ว (glass fibers) เส้นใยของสิ่งทอเกือบทั้งหมดมีความสามารถในการติดไฟแตกต่างกัน ผลิตภัณฑ์จากสิ่งทอ เช่น เสื้อผ้า ฟูก ที่นอน หมอนมุ้งหรือวัสดุที่ใช้ในการหุ้มเบาะและบุนวม โดยธรรมชาติจะไหม้ได้ง่าย เสื้อผ้าบางอย่างที่ไหม้ไฟง่ายอาจเป็นสาเหตุของการบาดเจ็บอย่างรุนแรงของร่างกายหรือรวมทั้งการสูญเสียทรัพย์สิน น้ำยาปรับผ้านุ่มมีสารหล่อลื่นที่ทำมาจากไขวัว (tallow) จึงทำให้คราบของน้ำยาปรับผ้านุ่มบนเสื้อผ้าอาจมีผลต่อความสามารถในการติดไฟของเสื้อผ้า ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญที่เกี่ยวกับความปลอดภัยของผู้ส่วมใส่เสื้อผ้า ดังนั้นจึงไม่แนะนำให้ใช้น้ำยาปรับผ้านุ่มกับชุดนอนเด็กหรือสิ่งทออื่นๆ ที่ฉลากระบุว่าต่อต้านไฟเพราะน้ำยาปรับผ้านุ่มอาจไปลดคุณสมบัติในการต่อต้านไฟของผ้าเหล่านั้น