ฐานข้อมูลส่งเสริมและยกระดับคุณภาพสินค้า OTOP

         เทศกาลกินเจ หรือ กินแจ หรือบางแห่งเรียกว่า ประเพณีถือศีลกินผัก เป็นประเพณีแบบลัทธิเต๋ารวม 9 วัน โดยกำหนดเอาวันตามจันทรคติ คือ เริ่มต้นตั้งแต่วันขึ้น 1 ค่ำ ถึง ขึ้น 9 ค่ำ เดือน 9 ตามปฏิทินจีนของทุกปี

ที่มา : https://www.moneyguru.co.th/blog/เตรียมพร้อม-กินเจ

 

       ในช่วงเทศกาลกินเจ เราจะเห็นธงประจำเทศกาลสีเหลืองมีตัวหนังสือสีแดง ปรากฏให้เห็นอยู่ทั่วไปตามร้านอาหาร 2 ข้างถนน โดยคำว่า “เจ” หรือ “ไจ” แปลว่า ไม่มีของคาว ซึ่งก็คือเนื้อสัตว์ทุกชนิด รวมไปถึงพืชหรือผักที่มีกลิ่นฉุน ซึ่งในช่วงเทศกาลกินเจ จะต้องงดรับประทานอาหาร 4 ข้อดังนี้[3]

1. งดการบริโภคเนื้อสัตว์ หรือทำอันตรายสัตว์ทุกชนิด

2. งดไข่ นม เนย และน้ำมันที่มาจากสัตว์

3. งดอาหารรสจัด (รสเค็มมาก หวานมาก เปรี้ยวมาก และเผ็ดมาก)

4. งดผักกลิ่นฉุน ได้แก่ กระเทียม หัวหอม หลักเกียว กุยช่าย และใบยาสูบ

       อาหารเจนับว่าเป็นอาหารที่มีประโยชน์ และไม่มีพิษต่อร่างกาย เพราะได้โปรตีนจากถั่วต่างๆ และยังย่อยง่าย เป็นการแบ่งเบาภาระของระบบย่อยอาหาร และระบบขับถ่าย ผู้ที่รับประทานเจ สามารถเลือกส่วนผสมดังต่อไปนี้มาปรุงอาหารได้ คือ ข้าวกล้อง (ใช้แทนข้าวขาว) โปรตีนเกษตร (แทนเนื้อสัตว์) ผักสด เห็ดหอม ถั่วนานาพันธุ์ เต้าหู้ แป้งหมี่กึง และผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันทำเป็นอาหารชนิดต่างๆ ปัจจุบันมีเมนูอาหารจำนวนมาก ซึ่งหลายเมนูทำเลียนแบบเนื้อสัตว์ได้เหมือนจริง เช่น ขาหมูเจที่ทำจากแป้ง และถั่ว ฯลฯ[2]                                                 

                ขาหมูเจ                                                                                           ผัดหมี่เจ

                               

                          ที่มา : https://cookpad.com/th/recipes/3759632-ขาหมูเจ                          ที่มา : https://www.smartsme.co.th/content/3073

 

ประโยชน์ที่ได้รับจากการรับประทานอาหารเจ มีดังต่อไปนี้ [1]

1.ลดอาการท้องผูก อาหารเจประกอบด้วยผัก ผลไม้และธัญพืช กากใยอาหารจะช่วยกระตุ้นให้ระบบขับถ่ายทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยให้ลำไส้แข็งแรง ลดปัญหาท้องผูก ช่วยลดโอกาสการเป็นโรคริดสีดวงทวาร

2.ลดปริมาณไขมัน ควรเลือกเมนูที่เน้นผักและผลไม้เป็นหลัก ใช้น้ำมันที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพในการทำอาหาร และใช้น้ำมันในปริมาณน้อย

3.ช่วยให้ร่างกายขับของเสีย ในผักและผลไม้มีสรรพคุณช่วยขับของเสียและสารพิษที่อยู่ในร่างกาย

4.ลดความเสี่ยงต่อโรคมะเร็ง การกินเนื้อมากเกินไปและไม่กินผัก ทำให้เสี่ยงกับโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ แต่หากปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกินหันมากินผักและผลไม้ให้มากขึ้นหรือกินเจ จะเริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงของร่างกายไปในทางที่ดีขึ้น

5.อวัยวะภายในแข็งแรง การกินเจจะช่วยให้โลหิตถูกฟอกให้สะอาดมากขึ้น อวัยวะภายในร่างกายแข็งแรง ร่างกายสามารถต้านทานสารพิษต่างๆ ได้มากกว่าการกินเนื้อ

6.ผิวพรรณเปล่งปลั่ง ผัก ผลไม้และธัญพืช มีวิตามิน สารต้านอนุมูลอิสระ โอมาก้าและแร่ธาตุต่างๆ ที่ช่วยทำให้ผิวพรรณกระจ่างใส ทำให้ผิวมีสุขภาพดี และผิวไม่หย่อนคล้อยก่อนวัย

7.สร้างภูมิคุ้มกันโรค เมนูอาหารเจโดยเฉพาะเมนูที่ทำจากเห็ด จะช่วยเพิ่มภูมิต้านทานของร่างกายและมีสารแอนติออกซิแดนต์ ทำหน้าที่ป้องกันเซลล์ไม่ให้ถูกทำลายหรือเสื่อมง่าย เห็ดที่มีประโยชน์ ได้แก่ เห็ดยามาบูชิตาเกะ เห็ดไมตาเกะ เห็ดหลินจือและเห็ดหอม

8.จิตใจผ่องใส ไม่ฟุ้งซ่าน การกินเจควบคู่กับการถือศีลปฏิบัติธรรม งดกินเนื้อสัตว์ถือว่าเป็นการลดการฆ่าสัตว์ ตัดชีวิต ไม่เบียดเบียนชีวิตสัตว์อื่นๆ ส่งผลให้เกิดความรู้สึกที่ดีกับตัวเรา ทำให้จิตใจดี ผ่องใสมากขึ้น

 

       การถือศีลกินเจนอกจากจะเป็นการสร้างบุญ ทำให้จิตใจสงบ สุขุม มีสติมั่นคงไม่หวั่นต่อเหตุการณ์ต่างๆ แล้วนั้น ยังมีประโยชน์ต่างๆ ต่อร่างกาย หากกินถูกหลักโภชนาการ ครบ 5 หมู่ อย่างพอเพียง กินโปรตีนจากถั่วและผลิตภัณฑ์จากถั่ว เช่น เต้าหู้ โปรตีนเกษตร ทดแทนโปรตีนจากเนื้อสัตว์ หลีกเลี่ยงอาหารประเภทแป้ง ทอด มีไขมันสูง มีรสเค็มจัด หวานจัด กินผักและผลไม้สดให้หลากหลายหลากสี

 

เอกสารอ้างอิง

[1] 8 ข้อดีของการเปลี่ยนจากเนื้อสัตว์มา“กินเจ”ให้ประโยชน์เยอะกว่าที่คิด.[ออนไลน์] [อ้างถึงวันที่ 11

          ตุลาคม 2561] เข้าถึงจาก https://spiceee.net/th/articles/23459?ref=linetoday

[2] กินเจ2561. [ออนไลน์] [อ้างถึงวันที่ 10ตุลาคม 2561]เข้าถึงจาก https://hilight.kapook.com

/view/29017

[3]อาหารเจกับมังสวิรัติต่างกันอย่างไรนะ?. [ออนไลน์] [อ้างถึงวันที่ 11ตุลาคม 2561] เข้าถึงจาก

          https://www.gourmetandcuisine.com/stories/detail/92