สูตรน้ำยาปรับผ้านุ่ม (fabric softener formulations)
สูตรน้ำยาปรับผ้านุ่มควรจะประกอบไปด้วยสารต่างๆ ดังต่อไปนี้
1. สารออกฤทธิ์ที่ทำให้ผ้านุ่ม น้ำยาปรับผ้านุ่มแบบธรรมดาจะประกอบด้วยสารออกฤทธิ์ประมาณ 3-7 % สารออกฤทธิ์ที่ใช้ทำน้ำยาปรับผ้านุ่มมีให้เลือกหลายชนิด ที่นิยมใช้กันแพร่หลาย เช่น สารประกอบควอเทอนารี แอมโมเนียม (quaternary ammonium compound) (รูปที่ 2) ซึ่งเป็นสารลดแรงตึงผิวที่มีประจุบวกที่ใช้ทำน้ำยาปรับผ้านุ่ม ได้แก่ ไดทาโลว ไดเมทิล แอมโมเนียม คลอไรด์ (ditallow dimethyl ammonium chloride, DTDMAC ซึ่งมีชื่อเรียกทางการค้าว่า “Arquad 2HT-75”) สารนี้ให้ผลดีเรื่องความนุ่ม (softening) ช่วยในการต้านไฟฟ้าสถิต และมีราคาถูก แต่มีข้อเสียคือ ไม่สามารถย่อยสลายได้ตามธรรมชาติและเป็นพิษกับสัตว์น้ำ จึงทำให้สารชนิดนี้ไม่ได้รับความนิยมทั้งในทวีปยุโรปและอเมริกา
รูปที่ 2 โครงสร้างของสารประกอบควอเทอนารี แอมโมเนียม
2. ตัวทำอิมัลชัน (emulsifiers) สารออกฤทธิ์ชนิดนี้สามารถใช้ร่วมกับสารอื่นๆ ที่เป็นตัวเสริมสารออกฤทธิ์และเป็นตัวทำอิมัลชันให้สารออกฤทธิ์ สารที่ช่วยเสริมสารออกฤทธิ์มีหลายชนิด เช่น กรดไขมันและสารที่ไม่มีประจุ (nonionics) เช่น แอลกอฮอล์อีทอกซิเลต (alcohol ethoxylate :C14-C15 alcohol-7EO) หรือกลีเซอรอล โมโนสเตียเรต (glycerol monostearate) สารที่ไม่มีประจุช่วยให้สารออกฤทธิ์กระจายตัวได้ดีขึ้นขณะใส่ลงไปในน้ำล้างสุดท้าย ช่วยลดปัญหาในกระบวนการผลิตและลดข้อเสียเกี่ยวกับความสามารถในการดูดน้ำของผ้าที่ใช้น้ำยาปรับผ้านุ่มเป็นประจำ
3. สารฆ่าเชื้อโรค น้ำยาปรับผ้านุ่มมีสารออกฤทธิ์ที่มีประจุบวก ซึ่งมีคุณสมบัติในการต่อต้านเชื้อแบคทีเรีย (anti-bacterials) ได้ แต่ก็สามารถช่วยส่งเสริมการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรียและเชื้อราบางชนิดเช่นกัน การเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรียและเชื้อรานี้ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า แต่สามารถสังเกตเห็นได้จากกลิ่นเหม็นที่เกิดขึ้นหรือจากการแยกชั้น ดังนั้นจึงต้องใส่สารฆ่าเชื้อในน้ำยาปรับผ้านุ่มเพื่อป้องกันไม่ให้น้ำยาปรับผ้านุ่มเสีย การใส่สารฆ่าเชื้อในน้ำยาปรับผ้านุ่มนี้ไม่ได้มีผลเสียต่อประสิทธิภาพของน้ำยาปรับผ้านุ่มเลย
4. อิเล็กโทรไลต์ (electrolytes) ส่วนผสมของน้ำยาปรับผ้านุ่มที่มีลักษณะข้นเกินไป สามารถปรับให้เหลวลงได้โดยใช้สารพอลิเอทิลีน ไกลคอล (Polyethylene glycol) น้ำกระด้างหรือเกลือ เช่น โซเดียมคลอไรด์(
sodium chloride) ซึ่งเป็นอิเล็กโทรไลต์ แต่ปริมาณอิเล็กโทรไลต์ที่มากเกินไปอาจทำให้เกิดการแยกชั้นของน้ำยาปรับผ้านุ่มได้
5. สารที่ใช้ปรับค่าความเป็นกรด-ด่าง (
pH) เมื่อค่าความเป็นกรด-ด่างของน้ำยาปรับผ้านุ่มสูงกว่า 4.0-4.5 ให้เติมกรดแร่เจือจางหรือกรดอินทรีย์จำนวนเล็กน้อยเพื่อปรับให้ได้ค่าความเป็นกรด-ด่าง ตามความต้องการ
6. น้ำ จะถูกเติมลงในส่วนผสมของน้ำยาปรับผ้านุ่มที่มีความข้นมากๆ โดยใช้น้ำที่ไม่มีการปนเปื้อนของแร่ธาตุ (demineralised water) ตัวอย่างสูตรน้ำยาปรับผ้านุ่มแสดงไว้ในตารางที่ 2-4
ตารางที่ 2 สูตรน้ำยาปรับผ้านุ่มสูตรที่ 1
สารเคมีที่ใช้ (สูตรที่ 1)
|
ปริมาณสารที่ใช้ (%)
|
สารออกฤทธิ์ที่มีประจุบวก ไดทัลโล ไดเมทิล แอมโมเนียม คลอไรด์ (ditallow dimethyl ammonium chloride, DTDMAC) 75%
|
3-7
|
น้ำหอมและสี
|
ตามความต้องการ
|
สารต่อต้านเชื้อรา (anti-microbial agent) และสารอื่น เช่น อิเล็กโทรไลต์
|
ตามความต้องการ
|
กรดสำหรับปรับค่าความเป็นกรด-ด่างให้ได้ประมาณ 4-6
|
ตามความต้องการ
|
น้ำที่กำจัดประจุออกไป
|
ใส่ให้ครบ 100
|
ตารางที่ 3 สูตรน้ำยาปรับผ้านุ่มที่ใช้ส่วนผสมต่างกัน (สูตร A-D)
สารเคมีที่ใช้
|
สูตร A
|
สูตร B
|
สูตร C
|
สูตร D
|
ระดับความเข้มข้น
|
(%)
|
(%)
|
(%)
|
(%)
|
DSDMAC
|
2-3.5
|
3-4
|
4-6
|
4-6.5
|
อิมมิดาโซลีน (imidazoline)
|
4-5.5
|
0.5-3
|
-
|
-
|
ไดเอทานอลเอไมด์ (diethanolamide)
|
-
|
-
|
0.5-1
|
-
|
กรดสเตียริก (stearic acid)
|
-
|
0.3-0.8
|
-
|
1-2
|
ซิลิโคน (silicone)
|
0.1-0.3
|
0.1-0.3
|
0.02-0.05
|
-
|
กลีเซอรอลเอสเทอร์ (glycerol ester)
|
-
|
0.5-1.5
|
-
|
-
|
พอลิเอทอิลีนไกลคอล (polyethylene glycol) ใช้ปรับความข้นเหลว
|
1-2
|
-
|
-
|
-
|
น้ำหอม สารกันเสีย สี น้ำ
|
เติมให้ครบ 100
|
ตารางที่ 4 สูตรน้ำยาปรับผ้านุ่มสูตร E และสูตร F
สารเคมีที่ใช้
|
สูตร E
|
สูตร F
|
ระดับความเข้มข้น
|
(%)
|
(%)
|
สารออกฤทธิ์
|
2.5-4.0
|
4.0-8.5
|
Nonionic
|
-
|
0-0.2
|
สี
|
มีได้
|
มีได้
|
สารเพิ่มความขุ่น
|
0-1.0
|
0-1.0
|
น้ำหอม
|
0.1-0.5
|
0.1-0.5
|
สารฆ่าเชื้อ
|
0.1
|
0.1
|
แอลกอฮอล์
|
มีได้
|
มีได้
|
น้ำ
|
ตามความต้องการ
|
ตามความต้องการ
|